วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เรื่องของ SET

 
 
 
 
 
เรื่องของ SET
 
แม้ไม่เกี่ยวข้องกับการเทรด 300 ในครั้งนี้ แต่ SET ถือว่าเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์เมืองไทยต้องจับตามอง เมื่อเรานับเวพของ SET พบว่า SET กำลัง อยู่ในช่วง correction ของ เวพย่อย IV ของ เวพ [ III ] ดูในกราฟ
รายเดือนข้างบนอาจจะงงบ้าง ต้องลองมาดูภาพรายสัปดาห์
 
 
 
จะพบว่า SET กำลังจะพยายามจบ เวพ IV อยู่ เพื่อที่จะขึ้นเป็นเวพ V อันเป็นการจบเวพย่อย [ III ]ของเวพ [[ III ]] อีกทีหนึ่ง
 

ตอนนี้เราคาดการณ์ว่า set น่าจะอยู่ในเวพ abc ของ IV ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมีรูปแบบออกมาเป็นเช่นใด แต่ตามทฤษฎี IV ไม่น่าจะลงมาถึงยอดของ I ซึ่งในภาพรายสัปดาห์อยู่ที่ 1,150 ซึ่งตามข้อแนะนำยังไม่ควรเข้า SET จนกว่า abc ของ IV จะจบจริงๆ ซึ่งคาดการณ์ ว่าน่าจะลงมาถึง 1,228 ซึ่งเป็นยอดของ [[ 1 ]]
ที่ถูก Break out แต่ยังไม่เคยโดน Retest & Regenerate การเล่นในตลาด Correction Swing ไปมาถ้าไม่ใช่ยอดฝีมือจริงๆแล้วมีโอกาสเสียหายสูงครับ
 
 

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

EURUSD รอสัญญาณ สอยทันที


EURUSD รอสัญญาณ สอยทันที

EURUSD ต้องบอกไว้ก่อนว่านับเวพอ้างอิงจากปีที่ EURO เริ่มประกาศใช้ นิยามของ Wave ในแง่ของประเภท Cycle Wave อาจไม่สามารถระบุได้ชัดเจน แต่การนับเวฟที่ได้ น่าจะมีความถูกต้องตามลำดับของ Wave จริงๆ จากกราฟเราเห็นได้ชัดเลยว่า EU กำลังทำ Triangle เพื่อรอการเบรคเอาท์ ซึ่งต้องเกิดแน่นอน เพียงแต่จะเกิดขาขึ้น หรือขาลง แต่เมื่อนับเวฟแล้ว เราพบว่า EU อยู่ในช่วงของ Correction เป็นเวฟ [[ IV ]] (ไม่ได้ใส่ในรูป) ซึ่งอยู่ตรง [ c ] ที่มีโอกาสจบตัวสูง และมีโอกาสสูงที่กำลังทำ Wave 1 เพื่อที่จะพุ่งไปสู่ [[ V ]] ดังนั้นมีโอกาสสูงที่น่าจะกลับไปเป็นขาขึ้น และเมื่อเช็ค Fibonacci แล้ว พบว่า wave [ v ] ของ [[ III ]] นั้นไม่ถึง 100% ของ [ III ] ของ [ III ] จึงไม่ใช่ extended wave 5 และไม่น่าไหลลงไปถึง II ของ [ III ]

 
กราฟรายสัปดาห์ แสดงให้เห็นว่า น่าจะกลับตัวเป็นขาขึ้นแล้ว โดยมีเวฟย่อยๆ 5 เวฟ สร้างเป็น [ I ] และ ผ่าน เวฟย่อย [ 4 ] ของ c อันเป็นจุด Reflection ตาม ทฤษฎีแล้ว แล้วก็เกิด [ II ] ก่อนที่จะขึ้นไปใหม่
 
 
เมื่อขยาย เป็นกราฟรายวัน พบว่า หลังจากเกิด เวพ [ II ] ก็ตามมาด้วย I , II, [ 1 ], [ 2 ] และ [ 3 ] คำถามต่อมาก็คือ [ 4 ] นั้น เกิดขึ้นเสร็จสิ้นแล้วหรือยัง ซึ่ง ดูจาก Fibonacci แล้ว พบว่า ราคา ได้ retrace มาถึง 50% ของ [ 3 ] แล้ว ซึ่งน่าจะลึกเพียงพอแล้ว และถ้าสมมุติฐานเราถูก ราคาจะไม่มีทางลงมาถึง [ 1 ] ได้แน่นอน ซึ่งเราอาจจะใช้เป็น Stop loss ได้ 
 
 
 
 
พอมาดูกราฟราย 4 Hours เราจะเห็นเลย ว่า เวฟที่ correct มานั้น มีแค่ 3 เวฟ เป็น ABC แสดงให้เห็นได้ 2 กรณี คือ 1. จบ [ 4 ] แล้ว รอขึ้นได้ โกยตังค์ ฮ่าา 2. จบแค่ a ยังมี b และ c รอ อยู่ เพื่อให้เกิด [ 4 ] ซึ่งถ้าเป็นกรณีนี้จริง เนื่องด้วย a เกิดจาก 3 เวฟดังนั้น มีโอกาสเป็น Flat correction หรือ Irregular แต่ตอนที่เกิดการ correction ของ เวฟ [2] นั้น เป็น Flat แล้วดังนั้น โอกาสที่จะเกิดอีกยากมาก ซึ่งน่าจะเป็น Irregular เสียมากกว่า
 
แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นกรณีไหน ตอนนี้ก็คือช่วงทำเงิน เพราะ ทั้ง 2 กรณีข้างต้น ราคาจะต้องกลับเลยไปสูงกว่าที่ยอดของ [ 3 ] อย่างแน่นอน ซึ่งกำไรมหาศาล ดังนั้น รอสัญญาณจาก price action ให้เกิดขึ้นแล้วเข้าโดยทันที แล้วค่อยใช้ข้อมูลจากข้างบน บริหาร Trade ต่อไป รอจนกว่าความชัดเจนของกรณี ทั้ง 2 ให้มากกว่านี้ แต่นั่นก็ได้กำไรไปเยอะแล้ว ฮ่าาา...
 
 
 



ทองคำรอคอยเพื่อจู่โจม



ทองคำรอคอยเพื่อจู่โจม
 
จากหัวข้อเมื่อวาน จากกราฟรายเดือน เราคาดการณ์ว่า ทองคำใกล้จุดจบ [ c ] แล้ว พอขยายกราฟรายสัปดาห์มาก็พบว่า ทองคำไหลมาถึง เวฟย่อย [ v ] ของ [ c ] แล้วแต่จะจบเวฟย่อย [ v ] ซึ่งถือว่าเป็นจุดจบของ [ c ] แล้วหรือยัง ต้องดูที่รายวันต่อไป
 
 
เห็นได้ว่า น่าจะจบ เวฟย่อย III ของ เวฟย่อย [V] แล้ว และกำลังย่อไปสู่ เวฟ IV ก่อนที่จะไปสู่เวฟย่อย V ของ เวฟย่อย [V]  ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดของขาลงเที่ยวนี้ และรอการกลับตัวเป็นขาขึ้น เพื่อขึ้นไปสู่ เวฟ [[ V ]] Grand Super Cycle แต่คาดกว่าการย่อตัวไปเวฟย่อย IV แล้วค่อยกลับไปเวฟ V น่าจะใช้เวลาพอสมควร
 
 
จากรูปข้างบน เวฟย่อย IV จะถือว่าเป็นจุดเข้า เมื่อเวฟย่อย V เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งถือเป็นจุดจบของ เวฟ [ c ] ซึ่งถือเป็นการจบ Correction เพื่อที่จะเข้าสู่ ขาขึ้นใหม่อีกครั้ง จุดที่เกิดเวฟย่อย IV ของเวฟ [ c ] ถือเป็นจุดที่เหมาะสมกับการเข้าเทรดทองคำขาขึ้นรอบใหม่นี้อย่างแท้จริงถือเป็นการ Set-up ในภาพใหญ่ ส่วนที่เหลือก็คือ ต้องใช้ price action ของ Neo-classical Techincal ในการทำ Confirm Trigger เพื่อเข้าสู่การเทรดต่อไป เป้าหมายระยะยาวน่าจะถึง $2,000 แต่จะใช้เวลาเท่าไหร่นั้นน่าจะใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งจะมีช่วงของโอกาสให้เราได้เทรดโต้คลื่น Elliote อีกหลายครั้ง...
 
(23/06/13)
 


วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ทองคำจะลงถึงไหน?

 
 
ทองคำจะลงถึงไหน?
 
 
ทองคำเป็นเป้าหมายแรกที่ผมเล็งสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ที่ผ่านทองคำได้ขึ้นไปถึง All time high ที่$1,920 ก่อนที่จะตกสวรรค์ลงมาสู่ $1,269 เมื่อวันศุกร์ 22/6/13 หากเราลองนั่งนับเวพ โดยวิชา Elliotte Wave theory เราก็จะรู้ได้ทันที ว่าตอนนี้ทองคำกำลังอยู่ในช่วง Correction ของ Super Cycle wave
 
 
 
 
 
ทองกำลังจะไปวิ่งไปสู่ จุด [ c ] ของ Double Zigzag แต่ปัญหาคือราคาปัจจุบันคือจุด [ c ] แล้วหรือยัง?
 
 

 
ลองตี Fibonacci จะเริ่มจากยอด ไปหา [[ II ]] หรือ [II] หรือ II เราจะได้ Confluence Zone เรียกได้ว่าช่วงเดียวกันคือช่วง $1,260 -  $1,282 ซึ่งเป็นช่วงของแนวรับที่ ทำให้ทองเด้งกลับไปพอดี และเป็นช่วงที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เวฟ [[2]]  จะเห็นว่าเวฟ V นั้น เป็น Extended Wave 5 ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว เมื่อเกิด correction ก็จะมีโอกาสสูงที่จะลงไปถึง เวฟ2 ในลำดับที่ต่ำกว่า 1 ชั้นถัดไปซึ่งก็คือ [[ 2 ]] นั่นเอง ดังนั้น ณ จุดนั้นน่าจะเป็นแนวรับสำคัญ ประกอบกับยอดของเวฟ III ($1,260) นั้น เป็นจุดที่เคยเกิดการ Break out ที่ยังไม่เคย Retest & Regenerate ผิดกับจุด Break out อื่นๆ ที่โดน Retest หมดแล้ว (ตามหลักของ Neo-Classical Technical)
 
ดังนั้นช่วงนี้จึงน่าจะเป็นแนวรับสำคัญตัวจริง อาจจะมีการ over shoot ลงไปถึง $1,220 แต่กราฟรายเดือนไม่น่าจะปิดต่ำกว่า $1,250
 
ปัญหาต่อมาควรจะเข้าเทรดตรงไหนดี?
 
 



เลิก(เป็น)เม่าเสียที


(ภาพประกอบจาก maoinvestor.com ขอบคุณครับ)
 
เลิก(เป็น)เม่าเสียที
 
เคยสงสัยกันไหมครับ ว่านักลงทุนมืออาชีพ เทรดเดอร์รายใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง มีพอร์ตการลงทุนขนาดใหญ่ มีรายได้จากการลงทุนเดือนเป็นแสนเป็นล้าน ออกสื่อต่างๆให้โด่งดัง ว่าวิธีการลงทุนของเขาแตกต่าง กับพวกเราๆที่เป็นรายย่อยอย่างไร และที่สำคัญเราจะใช้แนวทาง  การลงทุนของเขาได้หรือไม่ เพราะขนาดของพอร์ตที่อาจจะแตกต่างกันถึงร้อยเท่าพันเท่ากันเลยทีเดียว

เราลองมาตั้งคำถามและคำตอบกันดูครับ

1. ระบบการลงทุนของมืออาชีพรายใหญ่ (ไม่เกี่ยวกับรายใหญ่ประเภทหากินโดยปั่นหุ้นสร้างข่าวนะครับ) แตกต่างจากที่พวกเรารายย่อยหรือบรรดาแมงเม่าใช้หรือไม่?

คำตอบก็คือโดยส่วนใหญ่ 90% นั้นใช้แบบเราๆท่านๆใช้นั่นแหล่ะครับ ตำราเดียวกัน Fibonacci, moving average, indicators พื้นฐานต่างๆ หรือถ้าพวกนักลงทุนเน้นคุณค่าหรือวีไอ ก็ใช้วิธีในตำราแบบเดียวกับที่วางขายในตลาดทั่วๆไปนั่นแหล่ะครับ ส่วน อีก 10% ก็มีบ้างที่มีพื้นฐานเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ หรือ วิศวกร ที่ใช้สมการคณิตศาสตร์อันซับซ้อนในการลงทุน

 
2. พวกมืออาชีพเขาซื้อขายหรือเทรดบ่อยกันแค่ไหน และดูกราฟช่วงไหน?

โดยส่วนใหญ่พวกมืออาชีพจริงๆไม่ซื้อขายบ่อยๆหรอกครับ การ over trade ถือเป็นข้อห้ามของมืออาชีพเลยทีเดียว อีกทั้งพวกนี้เขาจะมีหลักประจำใจเสมอว่า การไม่เสียเงินหรือไม่ขาดทุนคือการทำเงินที่ดีและง่ายที่สุดหรือ ความอยู่รอด(ของเงินทุน)ในตลาดสำคัญกว่าการทำกำไรดังนั้นพวกเขาจะเทรดก็ต่อเมื่อมีโอกาสหรือความน่าจะเป็นที่สูงจริงๆ และที่สำคัญต้องได้ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำหรือที่เรียกว่า เสี่ยงน้อยได้มาก หรือ Low Risk High Return ซึ่งจะเกิดขึ้นในขณะที่มี Big Move ครับ ผิดกับบรรดาแมงเม่ารายย่อยทั้งหลายที่เทรดกันแทบทุกวันหรือวันเว้นวัน ด้วยความคิดที่ผิดๆว่าฉันจะเอาเงินจากตลาดให้ได้ทุกๆวัน หรือให้ได้ทุกการขึ้นลงของตลาด ซึ่งเอาจริงๆแล้ว ก็กลายเป็นวันนี้ได้พรุ่งนี้เสีย รวมกันไปมาก็เข้าเนื้อกันเสียเปล่าๆ ดังนั้นกราฟที่พวกมืออาชีพดูโดยส่วนใหญ่ก็คือกราฟรายเดือน รายสัปดาห์ รายวัน ในขณะที่อาจมีบ้างที่ดูกราฟรายชั่วโมงเข้าประกอบบ้าง ด้วยเหตุนี้พวกมืออาชีพจะลงทุน เดือนนึงอาจจะแค่ ไม่กี่ครั้ง และอาจจะต้องถือยาวเป็น 2-3 สัปดาห์หรือหลายเดือนเลยก็มี ยิ่งถ้าเป็นพวกวีไอ ก็อาจจะมีถือยาวเป็นปีๆ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 

3. มืออาชีพขาดทุนหรือพลาดบ้างไหม?

ตอบง่ายๆเลยครับว่ามีแน่นอน ไม่มีใครลงทุนแล้วจะไม่ขาดทุนไปตลอดกาล ขนาด วอร์เรน บัฟเฟต์ ยังหนีไม่พ้นเลยครับ หายากครับที่ใครจะรู้ล่วงหน้าถึงทิศทางตลาดได้ 100% เพียงแต่พวกมืออาชีพเหล่านี้เขามีวิธีการบริหารความเสี่ยงและการบริหารเงินที่มีประสิทธิภาพและมีวินัย มืออาชีพหรือกองทุนเฮดฟันด์ใหญ่ๆ ลงทุนหรือเทรด 10 ครั้ง อาจจะได้กำไรเพียงแค่ 3-4 ครั้งเท่านั้น ในขณะที่ที่เหลือก็คือขาดทุน แต่จำนวนที่ขาดทุนเขาจะน้อยเพราะการบริหารเงินที่ดี ในขณะที่เวลาทำกำไร พวกเขาก็จะได้กัน 4-20 เท่า หรือแม้แต่ ร้อยเท่าของจำนวนเงินที่ขาดทุนในแต่ละครั้ง เพราะมืออาชีพลงทุนแต่ Big Move เท่านั้นครับ ด้วยเหตุนี้กำไรของพวกเขาจึงมากกว่าที่เสียหายจากการขาดทุนเยอะมาก

 

4. พวกมืออาชีพวันๆเขาทำอะไรกันบ้าง? ในเมื่อนานๆทีถึงจะลงมือซื้อขาย

พวกนี้โดยส่วนใหญ่เป็นเสือซุ่มครับ วันๆเราจะเห็นเขา ซุ่มศึกษา ดูกราฟ เก็บข้อมูล และหา Big Move ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละตลาด หรือหุ้นแต่ละตัว แม้จะเก็บข้อมูลและอ่านข่าวแต่มืออาชีพ ก็จะไม่เล่นตามข่าวนะครับ เขาจะรอด้วยความใจเย็น รอจนกว่าจะเข้าเงื่อนไขของระบบที่เขาตั้งเอาไว้ ถึงจะลงมือซื้อ และขายไปตามระบบ เพราะเกมส์การลงทุนเป็นเรื่องของความน่าจะเป็น การบริหารความเสี่ยง และการบริหารเงิน ไม่ใช่เรื่องของการพนันที่ตัดสินใจอย่างรวดเร็วตามสัญชาติญาณนะครับ  นอกจากนี้ที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือการฝึกซ้อมครับ เหมือนกับนักกีฬา นักบิน หมอ หรือมืออาชีพอื่นๆ ที่ต้องหมั่นทบทวนและฝึกปรือวิชาชีพของตนให้แตกฉานและชำนาญ บางคนในแต่ละวัน ฝึกตีกราฟเป็นสิบๆหรือร้อยๆแผ่นโดยการศึกษาพฤติกรรมของตลาดหรือหุ้นที่ลงทุนจากอดีต หรือบางคนก็ฝึกหัดแกะงบการเงินและศึกษาเพิ่มเติม หรือเยี่ยมชมกิจการที่ตนเองเล็งเอาไว้ จะ เห็นได้เลยว่าพวกมืออาชีพนั้นไม่ได้อยู่เฉยๆแล้วจะเป็นอัจฉริยะมองกราฟขาดหรอกครับ

 

เป็นอย่างไรครับ คำตอบจากคำถามทั้ง 4 ข้อ ได้เห็นความแตกต่างระหว่างแมงเม่ากับมืออาชีพหรือยังครับ การลงทุนนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรือเป็นเรื่องของอัจฉริยะดวงเฮงหรอกครับ ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้ขอเพียงเข้าใจ และมีความตั้งใจจริง ไม่ว่าจะมีพอร์ตหลักหมื่นหรือหลักพันล้าน 4 ข้อข้างต้นล้วนแต่เป็นจุดสำคัญของอาชีพนักลงทุน ซึ่งทำได้จริงๆและเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก คุณเองก็เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้ครับ เพราะโอกาสทำเงิน พร้อมจะเกิดได้ทุกเมื่อ ขอเพียงรอด้วยความอดทน ค้นหาโอกาสด้วยความรู้ความเข้าใจที่แตกฉานด้วยการฝึกฝน มีระเบียบวินัยต่อการลงทุน และที่สำคัญซื่อสัตย์ไม่หลอกหรือหลงตัวเอง คุณก็คือมืออาชีพแล้วครับ