วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เลิก(เป็น)เม่าเสียที


(ภาพประกอบจาก maoinvestor.com ขอบคุณครับ)
 
เลิก(เป็น)เม่าเสียที
 
เคยสงสัยกันไหมครับ ว่านักลงทุนมืออาชีพ เทรดเดอร์รายใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง มีพอร์ตการลงทุนขนาดใหญ่ มีรายได้จากการลงทุนเดือนเป็นแสนเป็นล้าน ออกสื่อต่างๆให้โด่งดัง ว่าวิธีการลงทุนของเขาแตกต่าง กับพวกเราๆที่เป็นรายย่อยอย่างไร และที่สำคัญเราจะใช้แนวทาง  การลงทุนของเขาได้หรือไม่ เพราะขนาดของพอร์ตที่อาจจะแตกต่างกันถึงร้อยเท่าพันเท่ากันเลยทีเดียว

เราลองมาตั้งคำถามและคำตอบกันดูครับ

1. ระบบการลงทุนของมืออาชีพรายใหญ่ (ไม่เกี่ยวกับรายใหญ่ประเภทหากินโดยปั่นหุ้นสร้างข่าวนะครับ) แตกต่างจากที่พวกเรารายย่อยหรือบรรดาแมงเม่าใช้หรือไม่?

คำตอบก็คือโดยส่วนใหญ่ 90% นั้นใช้แบบเราๆท่านๆใช้นั่นแหล่ะครับ ตำราเดียวกัน Fibonacci, moving average, indicators พื้นฐานต่างๆ หรือถ้าพวกนักลงทุนเน้นคุณค่าหรือวีไอ ก็ใช้วิธีในตำราแบบเดียวกับที่วางขายในตลาดทั่วๆไปนั่นแหล่ะครับ ส่วน อีก 10% ก็มีบ้างที่มีพื้นฐานเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ หรือ วิศวกร ที่ใช้สมการคณิตศาสตร์อันซับซ้อนในการลงทุน

 
2. พวกมืออาชีพเขาซื้อขายหรือเทรดบ่อยกันแค่ไหน และดูกราฟช่วงไหน?

โดยส่วนใหญ่พวกมืออาชีพจริงๆไม่ซื้อขายบ่อยๆหรอกครับ การ over trade ถือเป็นข้อห้ามของมืออาชีพเลยทีเดียว อีกทั้งพวกนี้เขาจะมีหลักประจำใจเสมอว่า การไม่เสียเงินหรือไม่ขาดทุนคือการทำเงินที่ดีและง่ายที่สุดหรือ ความอยู่รอด(ของเงินทุน)ในตลาดสำคัญกว่าการทำกำไรดังนั้นพวกเขาจะเทรดก็ต่อเมื่อมีโอกาสหรือความน่าจะเป็นที่สูงจริงๆ และที่สำคัญต้องได้ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำหรือที่เรียกว่า เสี่ยงน้อยได้มาก หรือ Low Risk High Return ซึ่งจะเกิดขึ้นในขณะที่มี Big Move ครับ ผิดกับบรรดาแมงเม่ารายย่อยทั้งหลายที่เทรดกันแทบทุกวันหรือวันเว้นวัน ด้วยความคิดที่ผิดๆว่าฉันจะเอาเงินจากตลาดให้ได้ทุกๆวัน หรือให้ได้ทุกการขึ้นลงของตลาด ซึ่งเอาจริงๆแล้ว ก็กลายเป็นวันนี้ได้พรุ่งนี้เสีย รวมกันไปมาก็เข้าเนื้อกันเสียเปล่าๆ ดังนั้นกราฟที่พวกมืออาชีพดูโดยส่วนใหญ่ก็คือกราฟรายเดือน รายสัปดาห์ รายวัน ในขณะที่อาจมีบ้างที่ดูกราฟรายชั่วโมงเข้าประกอบบ้าง ด้วยเหตุนี้พวกมืออาชีพจะลงทุน เดือนนึงอาจจะแค่ ไม่กี่ครั้ง และอาจจะต้องถือยาวเป็น 2-3 สัปดาห์หรือหลายเดือนเลยก็มี ยิ่งถ้าเป็นพวกวีไอ ก็อาจจะมีถือยาวเป็นปีๆ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 

3. มืออาชีพขาดทุนหรือพลาดบ้างไหม?

ตอบง่ายๆเลยครับว่ามีแน่นอน ไม่มีใครลงทุนแล้วจะไม่ขาดทุนไปตลอดกาล ขนาด วอร์เรน บัฟเฟต์ ยังหนีไม่พ้นเลยครับ หายากครับที่ใครจะรู้ล่วงหน้าถึงทิศทางตลาดได้ 100% เพียงแต่พวกมืออาชีพเหล่านี้เขามีวิธีการบริหารความเสี่ยงและการบริหารเงินที่มีประสิทธิภาพและมีวินัย มืออาชีพหรือกองทุนเฮดฟันด์ใหญ่ๆ ลงทุนหรือเทรด 10 ครั้ง อาจจะได้กำไรเพียงแค่ 3-4 ครั้งเท่านั้น ในขณะที่ที่เหลือก็คือขาดทุน แต่จำนวนที่ขาดทุนเขาจะน้อยเพราะการบริหารเงินที่ดี ในขณะที่เวลาทำกำไร พวกเขาก็จะได้กัน 4-20 เท่า หรือแม้แต่ ร้อยเท่าของจำนวนเงินที่ขาดทุนในแต่ละครั้ง เพราะมืออาชีพลงทุนแต่ Big Move เท่านั้นครับ ด้วยเหตุนี้กำไรของพวกเขาจึงมากกว่าที่เสียหายจากการขาดทุนเยอะมาก

 

4. พวกมืออาชีพวันๆเขาทำอะไรกันบ้าง? ในเมื่อนานๆทีถึงจะลงมือซื้อขาย

พวกนี้โดยส่วนใหญ่เป็นเสือซุ่มครับ วันๆเราจะเห็นเขา ซุ่มศึกษา ดูกราฟ เก็บข้อมูล และหา Big Move ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละตลาด หรือหุ้นแต่ละตัว แม้จะเก็บข้อมูลและอ่านข่าวแต่มืออาชีพ ก็จะไม่เล่นตามข่าวนะครับ เขาจะรอด้วยความใจเย็น รอจนกว่าจะเข้าเงื่อนไขของระบบที่เขาตั้งเอาไว้ ถึงจะลงมือซื้อ และขายไปตามระบบ เพราะเกมส์การลงทุนเป็นเรื่องของความน่าจะเป็น การบริหารความเสี่ยง และการบริหารเงิน ไม่ใช่เรื่องของการพนันที่ตัดสินใจอย่างรวดเร็วตามสัญชาติญาณนะครับ  นอกจากนี้ที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือการฝึกซ้อมครับ เหมือนกับนักกีฬา นักบิน หมอ หรือมืออาชีพอื่นๆ ที่ต้องหมั่นทบทวนและฝึกปรือวิชาชีพของตนให้แตกฉานและชำนาญ บางคนในแต่ละวัน ฝึกตีกราฟเป็นสิบๆหรือร้อยๆแผ่นโดยการศึกษาพฤติกรรมของตลาดหรือหุ้นที่ลงทุนจากอดีต หรือบางคนก็ฝึกหัดแกะงบการเงินและศึกษาเพิ่มเติม หรือเยี่ยมชมกิจการที่ตนเองเล็งเอาไว้ จะ เห็นได้เลยว่าพวกมืออาชีพนั้นไม่ได้อยู่เฉยๆแล้วจะเป็นอัจฉริยะมองกราฟขาดหรอกครับ

 

เป็นอย่างไรครับ คำตอบจากคำถามทั้ง 4 ข้อ ได้เห็นความแตกต่างระหว่างแมงเม่ากับมืออาชีพหรือยังครับ การลงทุนนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรือเป็นเรื่องของอัจฉริยะดวงเฮงหรอกครับ ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้ขอเพียงเข้าใจ และมีความตั้งใจจริง ไม่ว่าจะมีพอร์ตหลักหมื่นหรือหลักพันล้าน 4 ข้อข้างต้นล้วนแต่เป็นจุดสำคัญของอาชีพนักลงทุน ซึ่งทำได้จริงๆและเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก คุณเองก็เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้ครับ เพราะโอกาสทำเงิน พร้อมจะเกิดได้ทุกเมื่อ ขอเพียงรอด้วยความอดทน ค้นหาโอกาสด้วยความรู้ความเข้าใจที่แตกฉานด้วยการฝึกฝน มีระเบียบวินัยต่อการลงทุน และที่สำคัญซื่อสัตย์ไม่หลอกหรือหลงตัวเอง คุณก็คือมืออาชีพแล้วครับ

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น